Zenfone 3 มาแล้ว !!!!! มาดูกันว่าน่าสน หรือน่าปล่อย (พร้อมสรุปสเปคคร่าวๆ)

img_1464593702_1034578f3ccd
หลายๆคนคงจะได้เห็นงานเปิดตัวของ ASUS ที่งาน Computex 2016 ณ ประเทศไต้หวันกันแล้วนะครับ และงานที่เป็นอีก 1 ไฮไลท์ของงานก็คือ Zenfone 3 นั่นเองครับ หลังจากที่ Zenfone ทั้ง 2 รุ่นประสบความสำเร็จอย่างมากในรอบ 2 ปีที่ผ่านมา และในปี 2016 นี้ก็เป็นฤกษ์ที่จะเปิดตัว 3 รุ่นใหม่ของ “Gen ที่ 3” ของ Zenfone ที่เป็นโทรศัพท์มือถือที่สะเทือนวงการมือถือ และตลาดมือถือระดับล่างอย่างมากมายเลยทีเดียว

โดยโทรศัพท์ที่เปิดตัวในงานนี้มีอยู่ด้วยกัน 3 รุ่นเล็กๆด้วยกัน คือ ASUS Zenfone 3 , ASUS Zenfone 3 Deluxe รุ่นไฮเอนด์ที่สเปคโหดกว่ารุ่นทั่วไป และ ASUS Zenfone Ultra รุ่นจอใหญ่ ถึง 6.8 นิ้วกันเลยทีเดียว

เรามาลองดูสรุปสเปคกันก่อนดีกว่า
asus-zenfone-3-main-800x503

ASUS Zenfone 3
– ตัวเครื่องเป็นกระจก Gorilla glass 3 แบบ 2.5D ที่ทำให้ขอบโค้งทั้งด้านหลังและหน้า เฟรมด้านข้างเป็นอัลลูมิเนียมอัลลอยด์
– มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง
– หน้าจอ IPS 5.5 นิ้ว FULL HD [1920 x 1080]
– CPU Qualcomm Snapdragon 625 Quad-Core 2.0 GHz.
– Ram แบ่งเป็นรุ่น Ram 3GB/4GB
– Rom (หน่วยความจำ) 32 GB
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม และ 4G LTE CAT 7 ทั้ง 2 ซิม
– กล้องหลัง 16 ล้านพิกเซล (มาพร้อมกับเทคโนโลยี Pixelmaster 3.0) มีระบบป้องการการสั่นไหว (OIS) และ Laser Autofocus | กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
– แบตเตอรี่ 3000 Mah.
– ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $249 [ประมาณ 8889 บาทโดยไม่รวมภาษีนำเข้า] สำหรับรุ่นแรม 3GB

asus-zenfone-3-deluxe

ASUS Zenfone 3 Deluxe
– ตัวเครื่องเป็นโลหะ ที่ไม่มีเส้นเสาอากาศติดอยู่บนตัวเครื่องทำให้ดูสวยหรูเพราะเป็นแผ่นโลหะชิ้นเดียว และ9ัวขอบเครื่องกับจอบางแค่ 1.3 mm.
– มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหลัง
– หน้าจอ Super AMOLED 5.7 นิ้ว FULL HD [1920 x 1080] และมีระบบ Always-On
– CPU Qualcomm Snapdragon 820 Quad-Core 2.2 GHz.
– Ram 6 GB
– Rom (หน่วยความจำ) แบ่งเป็นรุ่น 64GB และ 128GB
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม และ 4G LTE CAT 13
– กล้องหลัง 23 ล้านพิกเซล (มาพร้อมกับเทคโนโลยี Pixelmaster 3.0) มีระบบป้องการการสั่นไหว (OIS+EIS) กระจกเลนส์ใช้วัสดุเป็นแซฟไฟร์ | กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
– รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 3.0 (ทำให้การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เร็วกว่าปกติมาก)
– แบตเตอรี่ 3000 Mah.
– ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $499 [ประมาณ 17815 บาทโดยไม่รวมภาษีนำเข้า] สำหรับรุ่นรอม 64GB

ASUS-ZenFone-3-Utra

ASUS Zenfoone 3 Ultra
– ตัวเครื่องเป็นโลหะ ที่ไม่มีเส้นเสาอากาศติดอยู่บนตัวเครื่องทำให้ดูสวยหรูเพราะเป็นแผ่นโลหะชิ้นเดียว และตัวขอบเครื่องกับจอบางแค่ 1.3 mm.
– มีเซนเซอร์สแกนลายนิ้วมือที่ด้านหน้า
– หน้าจอ IPS 6.8 นิ้ว FULL HD [1920 x 1080] โดยมีเทคโนโลยี Tru2life ทำให้จอสวยเหมือนทีวี 4K
-ลำโพงใช้ระบบ SonicMaster 3.0 ตัวช่องหูฟังรองรับเสียงระดับ Hi-Res 7.1 DTS surrond sound ตัวชุดลำโพงเป็นแบบคู่สเตอริโอ ที่ใช้แม่เหล็ก 5 ชิ้น ให้เสียงที่ดังขึ้นกว่าเดิมถึง 2.4 เท่า
– สามารถใช้ Display Port เพื่อต่ออกสู่จอได้ผ่าน USB Type-C
– CPU Qualcomm Snapdragon 652 Octa-Core 1.8 GHz.
– Ram 4 GB
– Rom (หน่วยความจำ) 64 GB
– รองรับการใช้งาน 2 ซิม และ 4G LTE CAT 7 ทั้ง 2 ซิม
– กล้องหลัง 23 ล้านพิกเซล (มาพร้อมกับเทคโนโลยี Pixelmaster 3.0) มีระบบป้องการการสั่นไหว (OIS+EIS) โดยเป็นเซนเซอร์ของ Sony | กล้องหน้า 8 ล้านพิกเซล
– รองรับการเชื่อมต่อแบบ USB Type-C 3.0 (ทำให้การเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์เร็วกว่าปกติมาก)
– แบตเตอรี่ 4600 Mah.
– ราคาเปิดตัวอยู่ที่ $479 [ประมาณ 17101 บาทโดยไม่รวมภาษีนำเข้า] สำหรับรุ่นรอม 64GB

ทีนี้หลังจากเราดูสเปคทั้งหมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หลายๆคนที่กำลังเล็งมือถือใหม่ในตลาด “ระดับสูง” ถึงกับต้องเก็บเงินกันไว้ก่อนเลยทีเดียว เพราะว่าสเปคของ Zenfone 3 Deluxe นั้น ถือว่าเป็นรุ่นที่สเปคสูงมากเมื่อเทียบกับราคาเปิดตัว 17815 บาท (รวมภาษีแล้วคาดว่าจะราคา 21900 บาท) และยิ่งมีแรม ที่มากมายจนไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร และรอมที่มากสุดถึง 128 GB มากจนอาจไม่จำเป็นต้องมี SD Card เลยก็ได้ หากใครมีงบอยู่ประมาณ 20000 และต้องการมือถือใหม่ขอแนะนำให้เก็บเงินกันเอาไว้ก่อนเลย

สำหรับ Zenfone 3 รุ่นธรรมดานั้น ก็ถือว่าเป็นโอกาศดีของผู้ที่ต้องการมือถือระดับกลาง ที่มีงบอยู่ประมาณ 13000 เนื่องจากว่าราคาที่เข้าไทยมาของ Zenfone 3 นั้นคาดว่าจะอยู่ที่ 11500 สำหรับรุ่น Ram 3 GB (12900 สำหรับรุ่น Ram 4GB) ดังนั้นหากใครต้องการมือถือระดับกลางก็แนะนำให้เก็บเงินกันไว้จนเข้าไทยได้เลยครับ

แต่สำหรับรุ่น Zenfone 3 Ultra ที่ต้องบอกว่าเปิดตัวมาเพื่อเป็น “Phablet” และเป็นมือถือเพื่อการบันเทิงอย่างแท้จริง ทั้งมีระบบต่อออกจอ หน้าจอที่คมชัดเหมือนกับ 4K UHD TV ลำโพงระบบ 7.1 DTS Surround sound และหน้าจอที่ใหญ่ถึง 6.8 นิ้ว แต่ถ้าเกิดว่าสิ่งที่เราต้องการคือมือถือระดับ”ไฮเอนด์” แล้วล่ะก็ ส่วนตัวผมค่อนข้างแนะนำให้เก็บเงินเพิ่มแล้วซื้อ Zenfone 3 Deluxe เลยจะดีกว่า เพราะว่าสเปคและอะไรหลายๆอย่าง ค่อนข้างดีกว่าอย่างเห็นได้ชัด หากว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้จอใหญ่ขนาดนั้น หรือว่าต้องใช้เพื่อการบันเทิงแล้วล่ะก็

และสุดท้ายหลายๆคนที่เคยใช้หรือเคยผ่าน Zenfone มาซักรุ่น ตั้งแต่รุ่น Zenfone 5/Rom 8 GB Ram 1GB คงจะค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อยกับการที่เห็นว่า “ASUS ปล่อยมือถือราคาเกิน 8000 ทั้งสิ้น” ทั้งๆที่เราพอจะทราบว่า ASUS นั้นผลิตมือถือที่ราคาประหยัด ทุกคนจับต้องได้ บางคนถึงกับเลิกใช้ ASUS แล้วไปหาแบรนด์อื่นอย่างเช่น Wiko แต่ส่วนตัวผมนั้นผมว่าให้รอก่อน เพราะว่า ASUS ไม่หยุดซอยรุ่นแค่นี้แน่นอน และอาจต้องมีการออกรุ่นที่ “ลดหลั่นสเปค” ลงมาเพื่อทำให้ราคาถูกลงอย่างแน่นอนครับ

สุดท้ายนี้สิ่งที่ผมกล่าวมานั้นก็เป็นเพียงแค่ “ความคิดเห็น” เล็กๆอีกความคิดเห็นเท่านั้น หากว่าข้อมูลนั้นผิดพลาดประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ

ถ้าต้องการอะไรเพิ่มเติมก็สามารถแสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ครับ พร้อมที่จะรับฟังเสมอ ขอบคุณครับ
กิตติ.

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องที่ต้องการถูกทำเครื่องหมาย *